หน้าเว็บ

แจกวัตถุมงคล รอบนี้


ที่นี่เป็นความเชื่อเฉพาะกลุ่มและบุคคลหากไม่มีศรัทธาอย่ามาก่อกวน ภาพและบทความมีลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นักบุญปีเตอร์ผู้กำความลับการฝึกสมาธิของพระเยซูที่อินเดีย

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เขียนโดย ตันติปาล

มมี โอกาสได้สนทนาธรรมกับครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านเป็นที่เคารพของผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองผมจึงขอสงวนที่จะเอ่ยชื่อของ ท่าน วันนั้นผมสนทนากับท่านหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่ท่านไปอินเดียกับรัฐมนตรี ท่านหนึ่ง ท่านเล่าให้ผมฟังว่าตอนที่ท่านไปที่อินเดียก็มีนักแสวงบุญท่านหนึ่งมาสนทนา ด้วย เรื่องที่สนทนากันนั้นเป็นเรื่องของพระเยซูกับนักบุญปีเตอร์
นักแสวงบุญท่านนี้จริงๆแล้วท่านเป็นนักวิจัย ท่านค้นคว้าเรื่องช่วงเวลาที่หายไปของจีซัสและปีเตอร์ แต่ท่านกลับถูกต่อต้านจากผู้ที่เคร่งในศาสนา ท่านจึงต้องมาวิจัยในคราบของนักแสวงบุญ ท่านอาจารย์ถามนักแสวงบุญว่าแล้วเจอคำตอบบ้างไหม ท่านก็ตอบว่าเจอคำตอบบางอย่างแล้ว แต่มันก็ยากเกินกว่าที่ชาวคริสต์จะรับได้ อาจารย์จึงถามต่อว่าเรื่องอะไรที่ท่านค้นพบ
นักแสวงบุญก็เล่าเรื่องราวของพระเยซูที่เพิ่งค้นพบให้ฟัง ในส่วนนี้ผมขอข้ามไปก็แล้วกัน เพราะรู้สึกว่าจะเคยมีคนเอาเรื่องของพระเยซูเดินทางมาอินเดียมาโพสต์แล้วลอง หาอ่านกันดูก็แล้วกัน เรื่องราวก็เหมือนกันดังนั้นผมจะขอเล่าเรื่องของนักบุญปีเตอร์ไปเลย

ท่านที่นับถือศาสนาคริสต์ท่านก็คงทราบดีว่า นักบุญปีเตอร์นั้นได้รับการยกย่องให้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์แรกของศาสนา คริสต์ โดยท่านจะมีสัญญาลักษณ์เป็นรูปกุญแจและคนตรึงกางเขนห้อยหัว ที่สำคัญท่านนักบุญปีเตอร์ท่านนี้เก็บงำความลับของพระเยซูไว้มากมายยิ่งนัก เดิมทีนักบุญปีเตอร์มีนามว่า ไซมอน อาศัยอยู่ตำบลเบทไซดา มีอาชีพเป็นชาวประมงและต่อมาได้ย้ายมาอยู่ ที่เมืองคาร์เปอร์นาอุม ท่านได้รู้จักกับพระเยซูจากการแนะนำของน้องชายท่าน คือนักบุญแอนดรูว์กับนักบุญจอห์น แบ็พทิสต์
หลังจากที่ได้รับฟังคำสอนของพระเยซูก็เกิดความศรัทธา จึงขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์จากนั้นพระเยซูก็ได้เปลี่ยนชื่อจากโซมอลเป็น เปโตร ตั้งแต่นั้นมา จากนั้นพระเยซูก็ได้มอบหมายให้เป็นผู้ดูแลศาสนาคริสต์แทน โดยมอบกุญแจแห่งอาณาจักรเมืองสวรรค์ ก็หมายความว่าหากพระเยซูต้องไปนักบุญปีเตอร์ก็รับหน้าที่ต่อจากพระเยซู

คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่



Name: Pope-peter_pprubens.jpg

Views: 15

Size: 32.9 KB

ID: 1164205

นักบุญปีเตอร์ในมือถือจุญแจแห่งอณาจักรเมืองสวรรค์

นักบุญปีเตอร์เป็นพยานในชุดแรกที่เห็นการฟื้นขึ้นมาของพระเยซู ก่อนที่พระเยซูจะกลับสู่สวรรค์ ซึ่งจริงๆแล้วสวรค์ที่ว่านั้นก็คือการเดินทางมายังแคชเมียร์ ตามคติความเชื่อโบราณบริเวณแคชเมียร์เทือกเขาหิมาลัยก็เป็นดินแดนสวรรค์ เป็นที่ๆเหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรภาวนายิ่งนัก ข้อสันนิฐานของนักแสวงบุญนี้ค่อยข้างจะมีหลักฐานข้อมูลพอสมควร ซึ่งหลักฐานส่วนใหญ่นั้นจะถูกค้นและทำลายโดยวาติกันเกือบหมด จะเหลือแต่เพียงพระศพที่ยังไม่ถูกค้นพบในสมัยนั้นที่ยังไม่โดนทำลาย เพราะถ้าหากรู้ว่าพระเยซูแอบมาฝึกสมาธิแบบพุทธก็จะทำให้คนเสื่อมศรัทธาไปได้ การค้นพบพระศพที่อ้างกันว่าเป็นพระศพของพระเยซูนั้นจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ อย่างยิ่ง แต่การพิสูจน์นั้นเป็นเรื่องยากเพราะทางวาติกันก็จะขัดขวางทุกวิถีทางเช่น กัน

คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่



Name: 8391_mummy.jpg

Views: 16

Size: 10.5 KB

ID: 1164204

พระศพที่ผู้ค้นพบคาดว่าจะเป็นพระศพของพระเยซู

ในช่วงแรกนั้นคำสอนของคริสต์นั้นจะเป็นเรื่องของการมีเมตตา การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การแบ่งปันจนไปถึงการไม่ถือโทษโกรธเคือง แต่หลังจากที่พระเยซูได้เดินทางมาที่แคชเมียร์หลังฟื้นขึ้นมา ก็ได้มาศึกษาในเรื่องของจิตวิญญาณ ภายหลังที่พระเยซูออกมาได้ไม่นาน จะเป็นเหตุผลใดไม่ทราบได้ ท่านักบุญปีเตอร์ก็ได้เดินทางมาที่อินเดียเพื่อพบพระเยซู และก็ได้ฝึกสมาธิในรูปแบบของศาสนาพุทธ เวลาที่ท่านมานั้นน่าจะ 4-5 ปีได้ จากนั้นท่านก็กลับไปที่เยรูซาเลมเพื่อทำการเผยแพร่เพิ่มเติมในเรื่องของจิต วิญญาณ แม้ว่านักแสวงบุญท่านนี้จะไม่ได้เล่าอะไรมากนักแต่ก็พอจับต้นชนปลายถูก
ในภาวะการเกิดของศาสนาคริสต์นั้นอยู่ในช่วงสงคราม จึงเป็นเรื่องยากที่จะมาสอนการทำสมาธิแบบพุทธ แม้แต่ตัวของพระเยซูกับนักบุญปีเตอร์เองก็ยังถือเป็นเรื่องยาก การที่จะบรรลุธรรมในระดับที่สูงขึ้นไปจึงจำเป็นที่จะต้องหาที่ๆสงบจริงๆ จึงเป็นเหตุให้พระเยซูต้องหนีความวุ่นวายนั้น และสั่งให้นักบุญปีเตอร์มาหาในเวลาอันควรเพื่อที่จะเผยแพร่คำสอนให้สมบูรณ์
การค้นพบพระศพนั้นก็จะเป็นหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้ได้ ซึ่งเราต้องรอดูกันต่อไป หากการยืนยันในเรื่องนี้เป็นจริงเท่ากับว่าศาสนาพุทธเป็นต้นแบบของปัญญาโดย แท้จริง

คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่



Name: นักบุญปีเตอร์.jpg

Views: 17

Size: 114.3 KB

ID: 1164206

นักบุญปีเตอร์ท่านได้ขอร้องให้เอาศีรษะทิ่มลงหิน โดยกล่าวว่าท่านไม่สมควรที่จะตายในลักษณะเดียวกับพระเยซูเจ้าพระอาจารย์

จริงๆ แล้วเรื่องนี้ผมไม่อยากเขียนเท่าไหร่พระมันคาบเกี่ยวกับศรัทธาของคน หลังจากปรึกษาผู้หลักผู้ใหญ่แล้วท่านก็ให้คำแนะนำมาในการเขียน เช่นการใช้ถ้อยคำ การวิจาร การอ้างอิงเป็นต้น

อ้างอิง(หาข้อมูลเพิ่มเตอมที่)
http://atheistcamel.blogspot.com/201...e-cancels.html
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%...B8%A3%E0%B9%8C
http://www.jesus-in-india-the-movie....ravellers.html
http://reluctant-messenger.com/issa.htm
http://www.alislam.org/books/jesus-in-india/index.html

ไม่มีความคิดเห็น: